การเสริมคางเป็นหนึ่งในขั้นตอนศัลยกรรมที่ช่วยเสริมความมั่นใจให้กับผู้ที่มีปัญหาคางสั้น หรือไม่สมดุลกับใบหน้า เมื่อผ่านการเสริมคางแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้จะช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติ ชัดเจน และสวยงามขึ้น แต่หลังจากการเสริมคางแล้ว การดูแลตัวเองก็เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เพราะหากการดูแลไม่ดีอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ หรือทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นที่พึงพอใจได้ ดังนั้น เรามาดูกันว่า หลังการเสริมคางควรดูแลตัวเองอย่างไร เพื่อให้ผลลัพธ์ยาวนานและปลอดภัย
การดูแลแผลหลังการเสริมคาง
หลังจากการเสริมคางจะมีแผลเล็ก ๆ ที่บริเวณที่ทำการผ่าตัดหรือฉีดฟิลเลอร์ ดังนั้น การรักษาความสะอาดของแผลจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
- ทำความสะอาดแผล หากไม่ดูแลแผลให้ดี อาจทำให้แผลติดเชื้อและแย่ลงได้ การทำความสะอาดแผลตามคำแนะนำของแพทย์ถือเป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะแพทย์จะบอกวิธีที่เหมาะสมกับแต่ละกรณี ซึ่งส่วนมากแล้วจะให้ใช้ผ้าสะอาดหรือสำลีที่ชุบน้ำเกลือ มาทำความสะอาดรอบๆ แผล เพื่อฆ่าเชื้อและช่วยป้องกันการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นหลังจากบาดแผล
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผล การใช้มือที่ไม่สะอาดมาสัมผัสแผลอาจทำให้เชื้อโรคเข้าไปในแผลและทำให้แผลติดเชื้อได้ ถ้าจำเป็นต้องสัมผัสแผลก็ควรล้างมือให้สะอาดหรือใช้ถุงมือที่สะอาด เพื่อความปลอดภัย
- ไม่ให้แผลโดนน้ำสกปรก ที่แผลยังไม่หายดี โดยเฉพาะการล้างหน้าหรือการอาบน้ำที่อาจทำให้น้ำสกปรกไหลไปสัมผัสแผล ควรใช้วิธีการเช็ดหน้าหรือใช้สำลีเช็ดให้สะอาดแทน เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากน้ำที่ไม่สะอาด
การดูแลอาการบวมและช้ำ
หลังการเสริมคาง บริเวณที่ทำการผ่าตัดอาจมีอาการบวมและช้ำ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ต้องดูแลเพื่อให้ฟื้นฟูได้เร็วขึ้น
- ประคบเย็น ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังการผ่าตัด การใช้ผ้าเย็นหรือเจลเย็นประคบบริเวณที่บวมจะช่วยลดอาการบวมและช้ำได้มาก ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองเร็วขึ้นด้วย และสิ่งที่ต้องระวังอีกอย่างหนึ่งคือการหลีกเลี่ยงความร้อนในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำอุ่นหรือการใช้เครื่องทำความร้อน เพราะความร้อนอาจทำให้เลือดไหลเวียนเพิ่มขึ้น ทำให้บวมมากขึ้นได้
- หลีกเลี่ยงความร้อน ในช่วงแรก ๆ หลังจากที่เกิดการบาดเจ็บหรือทำการศัลยกรรม เช่น การอาบน้ำอุ่น หรือการใช้เครื่องทำความร้อนต่าง ๆ การใช้ความร้อนอาจทำให้เลือดไหลเวียนมากขึ้น ทำให้บวมขึ้นหนักกว่าเดิม นอกจากนี้ยังอาจทำให้การฟื้นตัวของร่างกายช้าลง จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับความร้อนในช่วงนี้ เพื่อให้ร่างกายมีโอกาสในการฟื้นตัวที่ดีขึ้น
- นอนในท่าที่เหมาะสม การนอนหงายและใช้หมอนรองศีรษะให้สูง การนอนในท่าหงายจะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีและไม่ไปสะสมที่บริเวณคางหรือจุดที่บาดเจ็บ ซึ่งการสะสมของเลือดจะทำให้บวมได้มากขึ้น การใช้หมอนหนุนศีรษะให้สูงขึ้นจะช่วยลดแรงกดดันและทำให้การบวมลดลงในช่วงกลางคืนที่ร่างกายอยู่ในท่าพักผ่อน
การรับประทานอาหารและการดื่มน้ำ
การรับประทานอาหารที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยฟื้นฟูร่างกายและให้แผลหายเร็วขึ้น
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ยากต่อการเคี้ยว ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ควรรับประทานอาหารอ่อนที่ไม่ต้องเคี้ยวมาก เช่น ซุปหรืออาหารบด เพื่อไม่ให้เกิดความเครียดที่บริเวณคาง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูเร็วขึ้น และทำให้ผิวหนังไม่แห้งหรือเกิดปัญหาผิวหลังการผ่าตัด
การหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการกระทบกระเทือน
ในช่วงแรกหลังการเสริมคาง ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้บริเวณคางเกิดความเสี่ยงจากการกระทบกระเทือน
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดการกระทบกระเทือนที่บริเวณคาง เช่น การวิ่ง หรือการยกน้ำหนัก
- ไม่ควรยิ้มหรือพูดเยอะ ช่วงแรกของการฟื้นตัวอาจทำให้บริเวณคางมีอาการตึงหรือไม่สบาย ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการพูดหรือยิ้มมากเกินไปในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก
การติดตามผลและเข้าพบแพทย์
หลังจากการเสริมคาง ควรไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลการรักษาและตรวจสอบการฟื้นฟูของแผล
- การตรวจสอบการติดเชื้อ หากมีอาการบวมแดง หรือรู้สึกเจ็บปวดมากผิดปกติ ควรติดต่อแพทย์ทันทีเพื่อให้การรักษา
- การตรวจเช็คฟิลเลอร์หรือซิลิโคน หากเสริมคางด้วยฟิลเลอร์หรือซิลิโคน ควรตรวจสอบผลลัพธ์เพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์อยู่ในทิศทางที่ดี และไม่เกิดปัญหาซิลิโคนเลื่อนหรือผิดรูป
การหลีกเลี่ยงแสงแดดและการใช้เครื่องสำอาง
- หลังจากการเสริมคางหรือการทำหัตถการเกี่ยวกับใบหน้า อาจมีแผลหรือผิวที่ยังฟื้นฟูตัวเองอยู่ ดังนั้นการหลีกเลี่ยงแสงแดดและการใช้เครื่องสำอางในช่วงนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะมันจะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นและไม่เกิดปัญหาที่อาจตามมา
- การหลีกเลี่ยงแสงแดดเป็นสิ่งที่ควรทำในช่วง 1-2 เดือนแรกหลังการเสริมคาง เพราะแสงแดดสามารถทำให้ผิวหนังที่ยังบอบบางและฟื้นฟูตัวเองเกิดการระคายเคืองหรือเกิดรอยแผลเป็นได้ง่ายมากขึ้น นอกจากจะทำให้แผลหายช้าแล้ว การโดนแสงแดดยังทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ หรือมีรอยแผลเป็นที่เห็นได้ชัดเจนขึ้น ดังนั้นในช่วงนี้ควรพยายามหลีกเลี่ยงการออกไปตากแดดโดยตรง หรือหากจำเป็นต้องออกไป ก็ควรใส่หมวกหรือใช้ครีมกันแดดที่เหมาะสม เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด
- ส่วนการใช้เครื่องสำอางก็เป็นเรื่องที่ควรระมัดระวังเช่นกันในช่วงแรกหลังการเสริมคาง เนื่องจากเครื่องสำอางบางประเภทอาจมีสารเคมีที่อาจทำให้ผิวที่บอบบางเกิดการระคายเคืองหรืออักเสบได้ โดยเฉพาะบริเวณที่เพิ่งเสริมคางไปใหม่ๆ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการทาครีม หรือรองพื้นบริเวณที่แผลยังไม่หายสนิท เพราะอาจทำให้แผลที่ยังไม่หายกลับมาปวดบวม หรืออาจมีการติดเชื้อได้
สรุป
การดูแลตัวเองหลังจากการเสริมคางนั้นสำคัญมาก เพราะมันจะช่วยให้การฟื้นตัวของร่างกายเร็วขึ้น และยังช่วยให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาดูดีและคงทนยาวนานอีกด้วย หลายคนอาจจะคิดว่าแค่ทำการเสริมคางแล้วก็จบ แต่จริงๆ แล้วการดูแลหลังการผ่าตัดก็สำคัญไม่แพ้กันเลย เมื่อทำการเสริมคางไปแล้ว สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญที่สุดคือการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด อาจจะมีข้อห้ามบางอย่างที่ต้องทำตาม เช่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดทับที่บริเวณคาง หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่อาจทำให้เกิดการระคายเคือง หรือหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในช่วงแรกๆ เพื่อไม่ให้ผลลัพธ์เสียหาย