ในปัจจุบันการเสริมคางกลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูสมดุลมากยิ่งขึ้น คางที่มีรูปทรงที่เหมาะสมกับใบหน้าสามารถเพิ่มความมั่นใจและทำให้หน้าดูมีมิติ แต่วิธีการเสริมคางนั้นมีหลากหลายรูปแบบ เช่น การเสริมคางด้วยการผ่าตัด (ซิลิโคน) และการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งทั้งสองวิธีนี้มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับ การเสริมคาง และ การฉีดฟิลเลอร์ ว่าแตกต่างกันอย่างไร รวมถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละวิธี เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับความต้องการและโครงหน้าของคุณ
การเสริมคางด้วยซิลิโคน (Surgical Chin Augmentation)
การเสริมคางด้วยซิลิโคนคือการผ่าตัดเพื่อใส่ซิลิโคนเข้าไปที่บริเวณคาง โดยจะทำการผ่าตัดผ่านช่องปากหรือใต้คาง ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถาวรและมีรูปทรงคางที่ชัดเจน
ข้อดีของการเสริมคางด้วยซิลิโคน
การเสริมคางด้วยซิลิโคนมีข้อดีหลายอย่างที่ทำให้หลายคนเลือกทำการเสริมคางแบบนี้ โดยเฉพาะเรื่องของผลลัพธ์ที่เห็นผลอย่างชัดเจนและถาวร ซึ่งต่างจากการใช้ฟิลเลอร์ที่ต้องไปเติมบ่อย ๆ ซิลิโคนจะทำให้คางของคุณมีรูปร่างที่ดูดีขึ้นและยาวขึ้นตามที่ต้องการอย่างถาวรเลยทีเดียว
นอกจากนี้ การเสริมคางด้วยซิลิโคนยังช่วยให้ปรับรูปทรงคางได้อย่างที่ต้องการ ไม่ว่าจะอยากให้คางยาวขึ้น หรืออยากให้คางดูมีมิติชัดเจนมากขึ้น ก็สามารถทำได้ตามความต้องการของคนไข้ ซึ่งนี่ถือเป็นข้อดีใหญ่ของการเสริมคางด้วยซิลิโคน เพราะเราไม่ต้องมาแก้ไขหรือเติมบ่อย ๆ เหมือนกับฟิลเลอร์ที่บางครั้งอาจจะค่อย ๆ หายไปเมื่อเวลาผ่านไป
ข้อเสียของการเสริมคางด้วยซิลิโคน
- ต้องการการฟื้นตัว การเสริมคางด้วยซิลิโคนเป็นการผ่าตัดที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว หลังจากทำเสร็จแล้ว คุณอาจจะรู้สึกเจ็บปวด บวม หรือมีรอยช้ำบริเวณที่ทำการผ่าตัด ซึ่งอาการเหล่านี้จะค่อยๆ หายไปในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ก็ต้องใช้เวลาฟื้นตัวพอสมควร บางคนอาจจะต้องหยุดงานหรือพักฟื้นที่บ้านระยะหนึ่ง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ต้องเตรียมใจเอาไว้
- มีความเสี่ยง การทำศัลยกรรมทุกชนิดย่อมมีความเสี่ยง เช่น การติดเชื้อจากการผ่าตัด หรืออาจเกิดผลข้างเคียงต่างๆ เช่น แผลเป็นจากการผ่าตัดที่อาจไม่สวยงาม หรือการที่ซิลิโคนอาจจะขยับตัวได้หากไม่ได้ทำการติดตั้งอย่างถูกต้อง ดังนั้น การเสริมคางด้วยซิลิโคนก็ไม่ใช่การทำที่ไม่มีความเสี่ยงเลย ต้องเลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือและมีแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง
- ราคาแพง กการเสริมคางด้วยซิลิโคนเป็นการผ่าตัดที่ต้องใช้วัสดุและอุปกรณ์พิเศษซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง ทำให้ค่าใช้จ่ายในการทำค่อนข้างแพง นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายในการดูแลหลังการผ่าตัด เช่น ค่าตรวจติดตาม หรือค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูสุขภาพหลังจากการผ่าตัด ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจทำ ต้องพิจารณางบประมาณให้ดี
การฉีดฟิลเลอร์ (Chin Filler Injection)
การฉีดฟิลเลอร์เป็นวิธีการเสริมคางที่ไม่ต้องผ่าตัด โดยแพทย์จะฉีดสารเติมเต็ม เช่น ไฮยาลูโรนิก แอซิด หรือสารอื่น ๆ เข้าไปที่บริเวณคางเพื่อเพิ่มมิติหรือปรับรูปคางให้ดูยาวและสมดุล
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์
- ไม่ต้องผ่าตัด การฉีดฟิลเลอร์ไม่ต้องใช้การผ่าตัด จึงไม่ต้องใช้เวลาฟื้นตัวนาน ไม่ต้องกลัวแผลเป็น
- ใช้เวลาน้อย ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใช้เวลาไม่นาน โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที เท่านั้น
- ผลลัพธ์ทันที คุณจะเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ โดยคางจะดูมีมิติและสมดุลมากขึ้น
- ราคาถูกกว่า การฉีดฟิลเลอร์มักจะมีราคาที่ถูกกว่าการผ่าตัดเสริมคาง
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร ฟิลเลอร์จะค่อยๆ สลายตัวไปตามเวลา โดยทั่วไปจะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทของฟิลเลอร์ที่ใช้
- ต้องเติมซ้ำ หากคุณต้องการคางที่สวยงามตลอดเวลา คุณจะต้องทำการเติมฟิลเลอร์ซ้ำเมื่อมันสลายไปแล้ว
- จำกัดในการปรับรูป ฟิลเลอร์สามารถปรับรูปคางได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนเท่ากับการเสริมคางด้วยซิลิโคน
การเลือกวิธีที่เหมาะสมกับคุณ
ทั้ง การเสริมคางด้วยซิลิโคน และ การฉีดฟิลเลอร์ ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการและลักษณะของโครงหน้าของคุณ ดังนี้
หากคุณต้องการผลลัพธ์ที่ถาวรและมีความชัดเจน การเสริมคางด้วยซิลิโคนอาจจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด เพราะจะทำให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและถาวร
- หากคุณไม่อยากผ่าตัด และต้องการผลลัพธ์ที่เร็วทันใจ การฉีดฟิลเลอร์อาจเป็นทางเลือกที่ดี เพราะใช้เวลาน้อย ไม่ต้องฟื้นตัวนาน และผลลัพธ์ที่ได้ก็สามารถเห็นได้ทันที
คำแนะนำเพิ่มเติม
การเสริมคางไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดหรือการฉีดฟิลเลอร์นั้น เป็นเรื่องที่หลายคนกำลังสนใจอยู่ในปัจจุบัน เพราะมันสามารถช่วยปรับรูปหน้าให้ดูดีขึ้น โดยเฉพาะคนที่รู้สึกว่าคางตัวเองสั้น หรือไม่สมดุลกับใบหน้า แต่ก่อนที่เราจะไปทำการเสริมคาง เราควรจะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำได้แบบสุ่มสี่สุ่มห้า หรือทำตามที่เพื่อนบอกกันมา เพราะมันเกี่ยวข้องกับรูปร่างของใบหน้าที่แต่ละคนมีไม่เหมือนกัน สิ่งแรกที่ควรทำ คือ การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง เพราะแพทย์จะช่วยวิเคราะห์ดูว่าเรามีลักษณะของใบหน้าที่เหมาะสมกับการเสริมคางหรือไม่ อย่างเช่น รูปหน้าของแต่ละคนอาจจะมีความแตกต่างกันไป บางคนอาจจะมีโครงหน้าที่คางน้อยเกินไป แต่บางคนอาจจะมีคางที่เกินความจำเป็นแล้ว ดังนั้นการที่แพทย์จะช่วยวิเคราะห์ให้คำแนะนำได้ จะทำให้เรารู้ว่าเราเหมาะกับวิธีไหนมากที่สุด
สรุป
การเสริมคางมีหลายวิธี ทั้งการเสริมคางด้วยซิลิโคนและการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน การเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองจะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากที่สุด อย่าลืมปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจทำเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่สวยงามค่ะ!