การเสริมหน้าอกเป็นการทำศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน เพราะสามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้หญิงที่มีหน้าอกเล็กหรือไม่สมส่วน แต่การเสริมหน้าอกก็มีขั้นตอนที่ต้องดูแลอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะในเรื่องของแผลและแผลเป็นจากการผ่าตัด ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ เพื่อให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่น และลดโอกาสในการเกิดแผลเป็นที่ไม่สวยงาม
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับแผลและแผลเป็นจากการเสริมหน้าอก รวมถึงวิธีการดูแลแผลเพื่อให้ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและมีแผลเป็นที่น้อยที่สุด
แผลจากการเสริมหน้าอกเกิดจากอะไร?
แผลเป็น (Scar) เกิดขึ้นจากการที่ร่างกายรักษาตัวเองหลังการผ่าตัด โดยการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาแทนที่เนื้อเยื่อที่ถูกทำลายจากการผ่าตัด ความรุนแรงและลักษณะของแผลเป็นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น พันธุกรรม รูปแบบของแผล การดูแลแผลหลังผ่าตัด รวมถึงการติดเชื้อหรือความผิดปกติที่เกิดขึ้นระหว่างการรักษาแผล
ประเภทของแผลเป็นที่อาจเกิดขึ้น
- แผลเป็นนูน (Hypertrophic Scar) กิดจากการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนมากเกินไปในบริเวณที่แผลหายไป ทำให้แผลมีความนูนขึ้นจากผิวหนังแม้จะไม่ขยายออกไปจากขอบแผลเดิม เนื้อเยื่อคอลลาเจนที่ถูกสร้างขึ้นมากเกินไปจะทำให้แผลมีลักษณะเป็นปุ่มหรือก้อนนูน ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากแผลที่เกิดจากการบาดเจ็บ, การผ่าตัด, หรือแม้กระทั่งจากการเกิดอุบัติเหตุ
- แผลเป็นคีลอยด์ (Keloid Scar) อแผลเป็นที่มีลักษณะนูนออกไปจากขนาดของแผลเดิมและขยายออกไปมากกว่าขอบแผล คีลอยด์เกิดขึ้นจากการสมานแผลที่ผิดปกติ โดยมีการผลิตคอลลาเจนในปริมาณมากเกินไป แผลคีลอยด์สามารถขยายออกไปจากขอบแผลเดิมได้อย่างกว้างขวางและบางครั้งอาจจะมีขนาดใหญ่กว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นในตอนแรก
- แผลเป็นเรียบ (Atrophic Scar) คือแผลที่เกิดจากการสมานแผลไม่สมบูรณ์ ซึ่งทำให้ผิวหนังบริเวณแผลมีลักษณะเป็นหลุมหรือรอยยุบลงไป แผลประเภทนี้มักเกิดจากการเกิดแผลสิว หรือแผลที่มีการติดเชื้อหรือการบาดเจ็บที่รุนแรง เช่น แผลไฟไหม้หรือแผลจากการผ่าตัด
ประเภทแผลที่พบบ่อยจากการเสริมหน้าอก
- แผลใต้ราวนม แผลใต้ราวนมถือเป็นแผลที่พบบ่อยที่สุดในการเสริมหน้าอก เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่สามารถซ่อนแผลได้ดี ทำให้ไม่สามารถมองเห็นแผลได้ง่าย และยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็นหลังการผ่าตัดในอนาคต ด้วยเหตุนี้แผลใต้ราวนมจึงได้รับความนิยมมากที่สุด ทั้งนี้ เนื่องจากตำแหน่งใต้ราวนมเป็นพื้นที่ที่ไม่โดดเด่นและไม่เป็นที่สังเกตง่าย การผ่าตัดในตำแหน่งนี้จึงสามารถทำให้แผลหายเร็วขึ้นและไม่ส่งผลกระทบต่อความสวยงามของหน้าอกในระยะยาว
- แผลรอบปานนม การทำแผลรอบปานนมเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเนียนไปกับผิวหนัง และมักจะเลือกใช้วิธีนี้ในกรณีที่ต้องการรักษาความเรียบเนียนของหน้าอกหรือมีความต้องการให้แผลดูเรียบร้อยที่สุดหลังการผ่าตัด แม้ว่าจะมีความเสี่ยงที่จะเห็นแผลได้ชัดเจนในบางกรณี แต่แผลรอบปานนมยังคงเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องความสวยงามของผิวหนังหน้าอก ซึ่งทำให้แผลดูไม่น่าเกลียดและสามารถใช้เวลาฟื้นตัวได้รวดเร็ว
- แผลในร่มผ้ารักแร้ การเสริมหน้าอกโดยการทำแผลที่ร่มผ้ารักแร้เป็นวิธีที่สามารถหลีกเลี่ยงการทำแผลที่บริเวณหน้าอกได้ โดยทำการผ่าตัดผ่านบริเวณรักแร้ที่เป็นพื้นที่ที่มักไม่เป็นที่สังเกต การทำแผลในบริเวณนี้ช่วยให้แผลไม่ปรากฏให้เห็นบนหน้าอก อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวอาจใช้เวลานานกว่าการทำแผลใต้ราวนมหรือรอบปานนม เพราะการผ่าตัดบริเวณรักแร้มีความซับซ้อนในการเข้าถึงตำแหน่งของเต้านมและอาจส่งผลให้เกิดความเจ็บปวดหรือการบวมในช่วงแรกได้
วิธีการดูแลแผลหลังการเสริมหน้าอกเพื่อหลีกเลี่ยงแผลเป็น
การดูแลแผลหลังการเสริมหน้าอกเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้แผลหายเร็วและลดความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็น ดังนี้
- รักษาความสะอาดแผล หลังการผ่าตัดควรรักษาความสะอาดของแผลโดยการทำความสะอาดเบาๆ ด้วยน้ำเกลือหรือน้ำยาฆ่าเชื้อที่แพทย์แนะนำ เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นจากแผล
- ใช้การปิดแผลอย่างเหมาะสม ควรใช้ผ้าพันแผลหรือพลาสเตอร์ที่แพทย์แนะนำ เพื่อป้องกันไม่ให้แผลสัมผัสกับสิ่งสกปรกและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลด้วยมือ การสัมผัสแผลด้วยมือที่ไม่ได้ล้างให้สะอาด อาจทำให้เกิดการติดเชื้อหรือทำให้แผลหายช้า ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลจนกว่าจะหายดี
- การประคบเย็นในช่วงแรก หลังการผ่าตัด ควรประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมและอักเสบ ซึ่งช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นและลดโอกาสการเกิดแผลเป็น
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ แพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลแผลและการใช้ยารักษาแผลที่อาจช่วยให้แผลหายดีและไม่เกิดแผลเป็น โดยการใช้ครีมลดแผลเป็นหรือแผ่นซิลิโคนที่ช่วยกระตุ้นการหายของแผล
เมื่อไรจึงควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับแผลเป็น?
แม้ว่าแผลจากการเสริมหน้าอกจะหายไปตามธรรมชาติในช่วงเวลา แต่หากคุณสังเกตเห็นอาการผิดปกติ เช่น แผลแดงและบวมตลอดเวลา หรือเกิดแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อขอคำแนะนำในการรักษาแผลเป็นหรือวิธีการลดขนาดแผลเป็นที่อาจเกิดขึ้น
สรุป
การเสริมหน้าอกเป็นหนึ่งในการผ่าตัดที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจและเปลี่ยนแปลงรูปร่างให้กับผู้หญิงหลายๆ คน ซึ่งจะช่วยให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นในภาพลักษณ์ของตัวเอง การเลือกเสริมหน้าอกนั้นสามารถตอบโจทย์ทั้งผู้ที่มีขนาดหน้าอกเล็กและผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงของหน้าอกให้ดูสวยงามสมส่วนมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การเสริมหน้าอกไม่ใช่เพียงแค่กระบวนการผ่าตัดที่ช่วยปรับเปลี่ยนรูปร่างเท่านั้น แต่ยังต้องการการดูแลหลังการผ่าตัดอย่างรอบคอบเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังและไม่เกิดปัญหาตามมา การดูแลแผลหลังการเสริมหน้าอกมีความสำคัญอย่างยิ่งในการลดความเสี่ยงจากการเกิดแผลเป็นหรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหลังการผ่าตัด การรักษาความสะอาดของแผลและการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดจะช่วยให้แผลหายเร็วและลดการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ การหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดการกระทบกระเทือนหรือความตึงเครียดที่บริเวณแผล รวมถึงการพักผ่อนที่เพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และลดโอกาสในการเกิดปัญหาหลังการผ่าตัด